วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

Future Simple Tense

10.1 ประโยค Future Simple Tense เชิงบอกเล่า
โครงสร้าง : Subject + will, shall + verb 1
( ประธาน + will , shall + กริยาช่อง 1 )
ตัวอย่าง : 1. I shall go to Chiang mai tomorrow. ( ฉันจะไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้ )
2. She will study Spanish next week. ( หล่อนจะเรียนภาษาสเปนสัปดาห์หน้า )
10.2 ประโยค Future Simple Tense เชิงปฏิเสธ
เมื่อต้องการแต่งประโยค Future Simple Tense ให้มีความหมายเชิงปฏิเสธให้เติม not หลัง will หรือ shall ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Subject + will, shall + not + verb 1
( ประธาน + will , shall + not + กริยาช่อง 1 )
ตัวอย่าง : 1. I shall not ( shan’t ) go to Chiang mai tomorrow. ( ฉันจะไม่ไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้ )
2. She will not ( won’t ) study Spanish next week. ( หล่อนจะไม่เรียนภาษาสเปนสัปดาห์หน้า )
10.3 ประโยค Future Simple Tense เชิงเชิงคำถามและการตอบ
เมื่อ ต้องการแต่งประโยค Future Simple Tense ให้มีความหมาย เชิงคำถามให้นำ will หรือ shall มาวางไว้หน้าประโยค และตอบด้วย Yes หรือ No ซึ่งมีโครงสร้างดังนี้
โครงสร้าง : Will,Shall + Subject + verb 1 ?
( Will, Shall + ประธาน + กริยาช่อง 1 ? )
ตัวอย่าง : 1. Shall you go to Chiang mai tomorrow ? ( คุณจะไปเชียงใหม่วันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่ )
      • Yes, I shall. ( ใช่ฉันจะไป )
      • No, I shan’t. ( ไม่ฉันจะไม่ไป )
2. Will she study Spanish next week ? ( หล่อนจะเรียนภาษาสเปนสัปดาห์หน้าใช่หรือไม่ )
- Yes, she will. ( ใช่หล่อนจะเรียน )
- No, she won’t. ( ไม่หล่อนจะไม่เรียน )
10.4 หลักการใช้ Future Simple Tense
1. ใช้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เช่น My father will go to America next month. ( พ่อของฉันจะไปอเมริกาเดือนหน้า )
I shall play football tomorrow afternoon.( ฉันจะเล่นฟุตบอลบ่ายวันพรุ่งนี้ )

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เศรษฐกิจพอเพียง

เศรษฐกิจพอเพียง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่ชี้แนวทางการดำรงชีวิต ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระราชดำรัสแก่ชาวไทยนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 เป็นต้นมา[1][2] และถูกพูดถึงอย่างชัดเจนในวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เพื่อเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ[3]
เศรษฐกิจพอเพียงมีบทบาทต่อการกำหนดอุดมการณ์การพัฒนาของประเทศ โดยปัญญาชนในสังคมไทยหลายท่านได้ร่วมแสดงความคิดเห็น อย่างเช่น ศ.นพ.ประเวศ วะสี, ศ.เสน่ห์ จามริก, ศ.อภิชัย พันธเสน, และศ.ฉัตรทิพย์ นาถสุภา โดยเชื่อมโยงแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเข้ากับวัฒนธรรมชุมชน ซึ่งเคยถูกเสนอมาก่อนหน้าโดยองค์กรพัฒนาเอกชนจำนวนหนึ่งนับตั้งแต่พุทธทศวรรษ 2520 และได้ช่วยให้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในสังคมไทย
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิในทางเศรษฐกิจและสาขาอื่น ๆ มาร่วมกันประมวลและกลั่นกรองพระราชดำรัสเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อบรรจุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 9[3][4] และได้จัดทำเป็นบทความเรื่อง "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" และได้นำความกราบบังคลทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2542 โดยทรงพระกรุณาปรับปรุงแก้ไขพระราชทานและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำบทความที่ทรงแก้ไขแล้วไปเผยแพร่ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนโดยทั่วไป เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ได้รับการเชิดชูเป็นอย่างสูงจากองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อประเทศไทยและนานาประเทศ[5] และสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน[6] โดยมีนักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นด้วยกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง แต่ในขณะเดียวกัน บางสื่อได้มีการตั้งคำถามถึงการยกย่องขององค์การสหประชาชาติ รวมทั้งความน่าเชื่อถือของรายงานศึกษาและท่าทีขององค์การ

กิริยา3ช่องพื้นฐาน ง่ายๆ

กริยาอปรกติ หรือกริยาอปกติ (Irregular Verbs) หรือกริยาสามช่อง
คือ กริยาที่ผู้เรียนต้องศึกษาจดจำเป็นพิเศษ เพราะมีการเปลี่ยนรูปร่างต่างกันไป โดยไม่ได้เติม –ed ต่อท้ายเหมือน กริยาปรกติ (Regular Verbs) ส่วนมากเรียก กริยาอปกติ ว่า กริยา 3 ช่อง
PresentPast SimplePast Participleความหมาย
be(is,am,are)was,werebeenเป็น,อยู่,คือ
bearborebornถือ,เกิด
becomebecamebecomeกลายเป็น
beginbegan begun เริ่มต้น
bend bentbentโค้ง งอ
betbet betพนัน
bitebitbitten (or bit)กัด ขบ ฉีก
bleedbled bledเลือดออก
blowblewblownพัด เป่า ตี
bringbroughtbroughtนำมา เอามา
buildbuiltbuiltสร้าง ก่อสร้าง
burstburstburstระเบิด
buyboughtboughtซื้อ
castcastcastขว้าง
catchcaughtcaughtจับ ได้รับ
choosechose chosenเลือก
clingclungclungเกาะ เป็นที่พึ่ง
come came comeมา
cost costcostราคา
dig dug dugขุด
dive dived (or dove) divedดำนํ้า
do did doneทำ
draw drew drawnลาก วาด เขียน
drink drank drunkดื่ม
drive drove drivenขับ(รถ)
eat ate eatenกิน
fall fell fallenตก หล่น
fight fought foughtต่อสู้
fling flung flungโยน พุ่ง เหวี่ยง
fly flew flownบิน
forbid forbade forbiddenห้าม ไม่อนุญาต
forget forgot forgottenลืม
freeze froze frozenเย็นจนแข็ง
get got got (or gotten)เอา ได้รับ
give gave givenให้
go went goneไป
grind ground groundบด ลับ
grow grew grownเติบโตขึ้น
hang (people) hanged hangedแขวนคอ
hang (pictures) hung hungแขวน ห้อย
have had hadมี
hide hid hiddenซ่อน
hurt hurt hurtทำอันตราย
know knew knownรู้
lay laid laidวาง ออกไข่
lead led ledนำ พา
leave left leftละทิ้ง จากไป
lend lent lentให้ยืม
lie lay lainนอน
light lit litจุดไฟ
make made madeทำ
mistake mistook mistakenทำผิด
pay paid paidจ่าย ชำระ
quit quitted (or quit) quitหยุด ยุติ เลิก
ride rode riddenขี่ ขับ
ring rang rungสั่นกระดิ่ง ดัง
rise rose risenขึ้น ลุกขึ้น
run ran runวิ่ง
saw sawed sawnเลื่อย
say said saidพูด
see saw seenเห็น
seek sought soughtค้นหา
sell sold soldขาย
set set setตั้ง วาง จัด
shake shook shakenเขย่า สั่น
shine shone shoneส่องแสง
shrink shrank shrunkหดลง สั้นลง
sing sang sungร้องเพลง
sink sank sunkจม ถอยลง
slide slid slidสื่นไถล เลื่อนไป
speak spoke spokenพูด
spin spun spunม้วน ปั่นฝ้าย
split split splitแตก แยก
spring sprang sprungโดดอย่างเร็ว เด้ง
sting stung stungต่อย แทง
stink stank stunkส่งกลิ่นเหม็น
strike struck struckตี ต่อย กระทบ
string strung strungผูกเชือก ขึงสาย
strive strove strivenพยายาม ขันสู้
swear swore swornสาบาน ปฏิญาณ
swell swelled swollenโตขึ้น หนาขึ้น
swim swam swumว่ายนํ้า
swing swung swungแกว่ง เหวี่ยง
take took takenเอา จับหยิบ
teach taught taughtสอน
tear tore tornฉีก ขาด
think thought thoughtคิด
throw threw thrownเหวี่ยง ขว้าง
wake woke wakenตื่น ปลุก
wear wore wornสวม ใส่
weave wove wovenทอผ้า สาน
weep wept weptร้องไห้
wring wrung wrungบีบ คั้น
write wrote written เขียน

วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554